Round 1 Hack Saw – ยกแรกเลื่อยมือ
ทาง Grip-Lock โฆษณาไว้ว่า “เนื้อวัสดุหลักทำจากไนลอนผสมไยแก้ว 30%”...ไม่รู้หละ ถ้ามันถูกออกแบบมาให้ล็อครถมันก็ต้องป้องกันการถูกโจรกรรมและการขโมยได้ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องรองรับการถูกเลื่อยชำแหละซึ่งก็เป็นพื้นฐานของการขโมยได้!
ผลลัพธ์ – ล็อค Grip-Lock ในตำแหน่งปกติจากนั้นใช้เลื่อยและคนเลื่อยที่มีหน่วยก้านดีคนหนึ่งลองออกแรงเต็มที่ดู....ปรากฏว่าในเวลา 40 วินาที...คนเลื่อยหมดแรงซะก่อน ตรวจสอบดูพบว่ารอยเลื่อยผ่านชั้นพลาสติกได้อย่างสบายแต่ไปหยุดอยู่ที่ชั้น “ผิว” ของแกนเหล็กด้านใน...เสียงตอบรับจากคนเลื่อยคือ “จากชั้นพลาสติกถึงชั้นเหล็กน่ะง่าย แต่เมื่ออยู่ที่แกนเหล็ก...เลื่อยยังไงก็เหมือนอยู่ที่เดิม” เราลองเลื่อยซ้ำอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิมคือ...คนเลื่อยหมดแรงก่อนจะตัดผ่านเหล็กชั้นแรกได้...รวมเวลาในการเลื่อย 2 ครั้งเกือบ 2 นาทีแถมมุมองศาการเลื่อยก็ไม่ “สะดวก” เท่าไหร่...นี่แหละการป้องกันชั้นแรกที่ได้ผล – สรุปว่าการเลื่อยผ่านครับ!
Round 2 Hack Saw vs. Pin Lock – เลื่อยบานพับ
ลองมองหาจุดที่น่าจะ “เป็นจุดอ่อน” ของ Grip-Lock ดูเราก็พบว่าตรงบริเวณบานพับน่าจะอ่อนแอและไม่มีเหล็กมารองรับแน่ๆ แต่....
ผลลัพธ์ - ...แค่คิดจะเลื่อยตรงบานพับก็พลาดแล้วหละครับเพราะมุมองศามันช่างไม่เอื้ออำนวยในการเลื่อย...และเมื่อลองเลื่อยไปเกือบ 1 นาที....สุดท้ายเราก็มาหยุดอยู่ที่“แกนเหล็ก” มันช่างทำร้ายจิตใจขโมยอย่างเราซะจริง! อะไรมันจะรอบคอบขนาดทำให้แกนเหล็กให้ยาวมาจนถึงบานพับแบบนี้ แม้จะเลื่อยพลาสติกไปแล้ว Grip-Lock ก็ยังคงแข็งแรงและเป็นไปไม่ได้ที่จะพยายามบิดให้มันเบี้ยว...ถึงจุดนี้โจรเริ่มปวดมือแล้วหละครับ
Round 3 Smashing Hammer! – ทุบมันเลย!
เพื่อเป็นการปลอดภัยต่อรถเรา...ในกรณีที่เราทดสอบแล้วเกิดการผิดพลาดจากการใช้ค้อนทุบที่รูกุญแล้วทำให้ไม่สามารถปลดล็อคได้ เราจึงถอด Grip-Lock ออกมา “ทุบ” กับพื้นโดยมีเป้าหมายอยู่ที่เบ้ากุญแจซึ่งเราคิดว่าถ้าทุบมันแรงๆ มันคงพังแล้วกระเด้งเปิดตัวเองออกมาในที่สุด แต่ที่เราคิดไว้นั้นมัน......
ผลลัพธ์ – ไอ้ที่เราคิดไว้มันผิดพลาดไปหมด ไม่ว่าจะออกแรงทุบยังไงมันก็ไม่ยอมออก สังเกตแป้นกุญแจมีรอยบุบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่ขนาดเราถอดออกมาทุบแบบจั๋งหนับแบบนี้มันยังไม่ยอมออก แบบนี้ลืมไปได้เลยถ้าคิดจะใช้ค้อนทุบตอนที่มันล็อคอยู่กับแฮนด์ เพราะมุมและความแรงในการทุบไม่เท่ากับที่เราทดลองแน่นอน...หลังจากลองทุบและไขกุญแจพบว่า..มันก็ยังใช้งานได้อยู่
Last Round Hammer + Screw Driver – ค้อน + ไขควงทะลวง
ในเมื่อใช้วิธีไหนๆ มันก็ไม่ยอมออก...งั้นเราใช้วิธีสุดคลาสสิคสุดโหดเลยแล้วกัน มันต้องเจอกับค้อนและไขควง เราคิดว่าการใช้ไขควงปากแบนตอกเข้าไปในรูกุญแจมันจะทำให้เฟืองและเขี้ยวกุญแกพังและปลดล็อคตัวเองออกมาจนได้ (ออกเถอะนะขอร้อง)
ผลลัพธ์ – ตอกมันเข้าไปแรงๆ ตอกจนไขควงปักคาอยู่ในรูกุญแจ Grip-Lock ก็ไม่ยอมเปิดออก ลองตอกซ้ำแล้วซ้ำอีกรูกุญแจก็ไม่มีท่าทีว่าจะ “บี้” เข้าไปแม้แต่น้อย ลองตอกจากด้านข้างตัวพลาสติก...ไขควงก็ปักคาอยู่แบบนั้นแต่ล็อคก็ยังคงไม่เปิดออก ลองตอกจากข้างแป้นกุญแจ Grip-Lock ก็ยังคง “ปิดตาย” สุดท้ายแล้วก็ไม่มีวิธีไหนที่จะเปิด Grip-Lock ได้นอกจากใช้กุญแจของตัวมันเอง แต่ข้อเสียที่เราพบก็คือ ถ้าถูกตอกรูกุญแจอย่างหนักหน่วงอาจทำให้ไม่สามารถใช้กุญแจไขได้อีกต่อไป แต่อย่างน้อยเราก็ควรภูมิใจที่ Grip-Lock ได้ทำหน้าที่ของมันคือ “ป้องกันการโจรกรรม”
Finally the result is… - ผลการทดลองก็คือ..
Grip-Lock เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้ล็อคคันเร่งและเบรกได้ในเวลาเดียวกัน ข้อดีหลักๆ ที่เราเจอก็คือ
: Advantage – ข้อดี
1. มันโดดเด่นเตะตาทั้งดีไซน์และสีสัน
2. มันล็อคอยู่ด้านบนแตกต่างจากล็อคดิสก์ที่ต้องก้มลงไปข้างล่าง
3. มันไม่ทำร้ายชิ้นส่วนไหนๆ ของตัวรถ แตกต่างจากล็อคดิสก์ที่ถ้าเผลอลืมถอดออกก่อนออกรถอาจทำให้ดิสก์คดหรือาจทำให้สายเซ็นเซอร์ ABS ถูกบี้จนขาดได้ (เสียเงินอีกเป็นพัน)
4. มันสามารถใช้ล็อคได้ทั้งเบรกหน้าและเบรกหลังหรือล็อคคลัทช์เพื่อให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้
5. มันเลื่อยไม่เข้าเพราะมีโครงเหล็กอยู่ด้านใน
6. เบ้ากุญแจแกร่งจนแทบทำอะไรมันไม่ได้เลย
7. แม้จะเลื่อยตุ้มปลายก้านเบรกออกตัวล็อคก็ยังแน่นจนไม่สามารถดึง Grip-Lock ออกจากแฮนด์ได้
8. น้ำหนักเบามากและตัววัสดุน่าจะทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
: Disadvantage – ข้อเสีย
1. ถ้าถูกตอกรูกุญแจจนเสียหายแล้ว วิธีเดียวที่จะปลดล็อคมันออกได้คือการตัดมันออก
2. ขนาดใหญ่ไปนิดแต่ก็เหมาะสำหรับคนที่มีกล่อง U-Box
3. ราคา (2,200 บาท) พอๆ กับตัวล็อคดิสก์เบรกแบรนด์ดังทำให้ตัดสินใจลำบาก
หน้าที่เข้าชม | 128,032 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 84,681 ครั้ง |